สำหรับบทความนี้จะเป็นการเปรียบเทียบ 3 สูตรเดินเงินบาคาร่าที่มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะกับนักพนันผู้มีเงินทุนอยู่ในปริมาณค่อนข้างเยอะและพร้อมรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างมากพอสมควร ซึ่ง 3 สูตรที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ก็คือ “สูตร Martingale” , “สูตร Super Martingale” และ “สูตร dAlembert”
โดยก่อนที่เราจะไปดูว่าทั้ง 3 สูตรนั้นมีความใกล้เคียงและแตกต่างกันอย่างไร ก่อนอื่นเราลองไปทำความรู้จักแต่ละสูตรกันพอสังเขปก่อนดีกว่า สูตร Martingale เริ่มจากสูตรที่เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว กับสูตร Martingale สูตรที่เราสามารถเข้าใจได้ด้วยประโยคที่ว่า “ทบเงินเพิ่มอีก 2 เท่าทุกครั้งที่เล่นแพ้” ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่พอนำมาใช้จริงแล้ว หากเพื่อนๆ คนไหนไม่มีความพร้อมมากพอก็อาจจะต้องสูญทรัพย์มหาศาลไปได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะนะ สำหรับกฎของการใช้สูตรเดินเงิน Martingale นั้นก็อธิบายได้ด้วย 2 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1.เริ่มแทงตาแรกจาก 1 หน่วย หากชนะก็ให้แทง 1 หน่วยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแพ้ 2.ถ้าแพ้ ให้แทงทบจากตาก่อนหน้านี้ไป 2 เท่าเสมอ จนกว่าจะชนะจึงค่อยกลับไปเริ่มที่ 1 หน่วยอีกครั้ง ยกตัวอย่าง หากแทงแพ้ติดกัน 10 ตา ลักษณะตัวเลขจะเป็นในลักษณะนี้: 1,2,4,8,16,32,64,128,256,512 และหากตาต่อไปชนะเราก็จะได้เงินทุนทั้งหมดกลับมาพร้อมด้วยกำไรอีก 1 หน่วย หลังจากนั้นก็ให้เราเริ่มเล่นที่ 1 หน่วยไปเรื่อยๆ อีกครั้งจนกว่าจะแพ้ สูตร Super Martingale สูตรเดินเงิน Super Martingale จะเปรียบเสมือนขั้นกว่าของสูตร Martingale แบบธรรมดา เพิ่มกฎเข้ามาอีกเล็กน้อย กล่าวคือ “หากแทงแพ้จะต้องทบเงินเป็น 2 เท่าและบวกเพิ่มอีก 1 หน่วยในตาต่อไป” ซึ่งสำหรับสูตรนี้ถือว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ความพร้อม ความเตรียมใจมากกว่าสูตร Martingale แบบธรรมดาเสียอีก กฎการใช้สูตรนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกับสูตร Martingale แบบปกติเลย เพียงแต่ว่าในแต่ละตาที่เราแพ้นั้น นอกเหนือจากที่เราต้องทบตาต่อไปให้เป็น 2 เท่าแล้ว เรายังต้องบวกเงินทุนเข้าไปอีก 1 หน่วยในทุกๆ ครั้งอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราแพ้ติดกัน 10 ตา ตัวเลขของการวางเดิมพันก็จะออกมาในลักษณะนี้: 1,3,7,15,31,63,127,255,511,1023 ซึ่งเราจะเห็นว่าแม้จะแพ้ 10 ตาติดเหมือนกัน แต่สูตรนี้ก็จะต้องลงเงินในแต่ละตามากกว่าสูตร Martingale อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าหากเราชนะ กำไรที่ได้นั้นมันจะไม่ใช่แค่ 1 หน่วย แต่มันจะเท่ากับ “1 X จำนวนตาที่เราแพ้ติดกัน” เช่นถ้าเราแพ้ติดกันมา 8 ตาแล้วพลิกมาชนะ เราก็จะได้กำไร 1X 8 = 8 หมายความว่าสมมุติ 1 หน่วยเท่ากับ 100 บาท เราก็จะได้เงินทุนคืนมาทั้งหมด พร้อมกับกำไร 800 บาท แทนที่จะได้กำไรแค่ 100 บาทเหมือนสูตร Martingale แบบธรรมดา สูตร dAlembert สูตรนี้อ่านว่า “เด-ลอง-เบ” dAlembert เป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ที่นำมาใช้เข้ากับบาคาร่า ด้วยความเข้าใจที่ว่า “เพิ่มเงินทุกครั้งที่แทงแพ้ และลดเงินทุกครั้งที่แทงชนะ” เป็นสูตรที่อาจเห็นผลลัพธ์ได้ช้า แต่ก็พอการันตีได้ว่าคุณจะสามารถมีกำไรที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน กฎการใช้สูตรเดินเงินนี้ก็คือ ให้แทงเพิ่ม 1 หน่วยทุกครั้งที่แทงแพ้ แต่หากตาไหนชนะ ตาต่อไปก็ให้ลดจากเดิมไป 1 หน่วย ยกตัวอย่าง สมมุติว่าเราแทงแพ้ติดกัน 5 ตา แล้วชนะติดกัน 5 ตา ลักษณะของตัวเลขก็จะเป็นแบบนี้: 1,2,3,4,5,6,5,4,3,2 โดยเราจะเห็นว่าการลดเงินในตาที่แทงชนะนั้นจะทำให้เราได้กำไรที่น้อยลง แต่นั่นก็เท่ากับว่าตอนที่เราเสียเราก็จะเสียน้อยลงเช่นเดียวกัน ทำให้มันเป็นสูตรที่มีความคงที่ในเรื่องของกำไรและเงินทุนนั่นเอง
ความเหมือนของทั้ง 3 สูตรนี้
เราจะเห็นว่าทั้ง 3 สูตรนั้นจะอยู่ในลักษณะของการ “เพิ่มเงินทุกครั้งที่แทงแพ้” เพื่อเป็นเหมือนกับการรอจังหวะที่จะเอาผลกำไรคืนกลับมา พยายามไม่ให้ต้องขาดทุนมากจนเกินไปหรือไม่ขาดทุนเลย กล่าวคือทั้ง 3 สูตรนั้นแทบจะการันตีเพื่อนๆ ได้เลยว่าจะต้องได้รับผลกำไรจากการเล่นอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าเพื่อนๆ จะแพ้ติดๆ กันหลายๆ ตามากจริงๆ และเตรียมเงินทุนมาไม่พอเล่นต่อ เพราะอย่างนั้นทั้ง 3 สูตรที่กล่าวมาข้างต้นจึงมีระดับความเสี่ยงที่ถือว่าใกล้เคียงกันเอามากๆ แล้วสูตรไหนจะเหมาะกับเรา? ขอเริ่มจากสูตร dAlembert ก่อนเพราะมันอาจมีวิธีใช้ที่แตกต่างจากอีก 2 สูตรอย่างเห็นได้ชัด และมันเป็นสูตรที่ทำให้เราไม่ต้องใช้เงินทุนที่สูงมากนักก็สามารถเล่นซ้ำหลายตาได้ แต่อย่างที่บอกไปว่าสูตรนี้จำเป็นต้องใช้ความใจเย็นสูงมากเพราะมันใช้เวลาในการคืนผลกำไรก้อนใหญ่ที่ค่อนข้างช้า หากใครเป็นคนที่พอมีเวลา ไม่รีบร้อน แต่ต้องการเงินทุนที่มั่นคงมีมาให้เรื่อยๆ สูตรนี้ก็อาจถือว่าตอบโจทย์ ต่อด้วยสูตร Martingale แบบธรรมดา แม้ความเสี่ยงอาจไม่ต่างกัน แต่สูตรนี้จำเป็นต้องเตรียมเงินทุนเยอะกว่าสูตร dAlembert สักเล็กน้อยหากใครต้องการเล่นนานๆ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในแต่ละครั้งที่เราแทงแพ้มันจะต้องทบเงินทุนเพิ่มจากเดิมถึง 2 เท่า ทำให้ยอดเงินของเราอาจจะบานปลายไปมากหากแพ้ติดๆ กัน ทว่าถ้าเพื่อนๆ มีเงินทุนที่มากพอมันก็การันตีได้ว่าพลิกกลับมาชนะเมื่อไหร่ กำไรก็จะเข้ามาเมื่อนั้นในทันที อาจไม่ต้องรอนานเท่ากับสูตร dAlembert และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด สูตร Super Martingale ก็ถือว่าเป็นสูตรที่น่าจะต้องเตรียมเงินทุนเอาไว้เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับสองสูตรก่อนหน้านี้ เพราะนอกจากเราจะต้องทบ 2 เท่าทุกครั้งที่แพ้แล้ว เรายังต้องบวกเพิ่มไปอีก 1 หน่วยเรื่อยๆ ด้วย แต่ถามว่าพอพลิกกลับมาชนะได้ กำไรที่เข้ามาให้เราเห็นก็อาจทำให้เพื่อนๆ รู้สึกปิติยินดีมากกว่าสองสูตรก่อนหน้านี้นั่นแหละนะ มมันจึงถือว่าเป็นสูตรที่หากำไรได้ไว ถ้าหากมีเงินทุนที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม จะเลือกใช้สูตรไหนอันนี้ก็อาจต้องขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน และแนะนำว่าหากมีเทคนิคการอ่านไพ่ต่างๆ มาประกอบด้วยมันก็จะช่วยได้มากเลย
เป็นอีกหนึ่งเกมไพ่ที่เรียกได้ว่ามีให้เห็นอยู่ในทุกเว็บคาสิโนออนไลน์เลยก็ว่าได้ กับเกมที่มีชื่อว่า “ไพ่เสือมังกร” (Dragon Tiger) ซึ่งมันมักจะถูกมองว่าเป็นเกมสายโหด สายฮาร์ดคอร์ หากใครชอบความไว ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ เกมนี้เรียกว่าตอบโจทย์คอนักพนันเหล่านั้นเป็นที่สุด เพราะการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะจบลงด้วยไพ่ฝั่งละ 1 ใบ...!!
ความคล้ายคลึงกับไพ่บาคาร่า เชื่อว่าหลายๆ คนในที่นี้อาจไม่เคยเล่นไพ่เสือมังกรกันมาก่อน แต่อาจเคยเล่น “ไพ่บาคาร่า” เกมไพ่ยอดฮิตสำหรับคนไทยในปัจจุบัน ซึ่งเอาจริงๆ ทั้งสองเกมนี้ถือว่ามีความคล้ายคลึงเอามากๆ พอได้เข้าไปในห้องแล้วก็อาจทำให้เราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย และส่วนที่เหมือนกันจนเห็นได้ชัดก็คือลักษณะของการเล่น โดยเกมไพ่ทั้งสองแบบนั้นจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ถ้าในบาคาร่าก็จะเรียกว่า ฝั่งผู้เล่น (Player) และ ฝั่งเจ้ามือ (Banker) แต่สำหรับไพ่เสือมังกรนั้นมันจะถูกเรียกว่า เสือ (Tiger) และ มังกร (Dragon) เมื่อมันแบ่งเป็นสองฝั่งเหมือนกัน แน่นอนว่าเพื่อนๆ ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะแทงฝั่งไหน หรืออาจจะแทง เสมอ (Tie) ก็ได้แล้วแต่ชอบ เพราะฉะนั้นแล้วความรู้สึกในการเล่นไพ่เสือมังกรจึงถือว่าใกล้เคียงกับตอนที่เราเล่นไพ่บาคาร่ามากๆ เลยแหละนะ กฎกติการในการเล่น หลังจากที่รู้กันไปแล้วว่าเกมไพ่เสือมังกรนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับไพ่บาคาร่าอย่างไร ต่อไปเราลองมาดูในส่วนของกฎกติการการเล่นของเจ้าเกมไพ่เกมนี้กันดีกว่า ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่เพื่อนๆ ทำความเข้าใจกับมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คงจะพอเดาได้ไม่ยากว่าทำไมเกมไพ่เสือมังกรนี้ถึงดูโหด ดูไวกว่าไพ่บาคาร่าหลายเท่านัก 1.ไพ่เสือมังกรจะใช้ไพ่ทั้งหมด 6 หรือ 8 สำรับ ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ให้บริการ 6 สำรับก็จะเท่ากับไพ่ 312 ใบ ส่วน 8 สำรับก็จะเท่ากับไพ่ 416 ใบ 2.การวางเดิมพันของไพ่เสือมังกรจะไม่มีตัวเลือกที่หลากหลายเหมือนกับการวางเดิมพันในเกมไพ่บาคาร่า เพื่อนๆ จะมีตัวเลือกเพียงแค่ 3 ทาง นั่นคือ ฝั่งเสือ, ฝั่งมังกร หรือเสมอ 3.อัตราจ่ายของแต่ละตัวเลือก ถ้าฝั่งเสมอจะอยู่ที่ 1:8 ในขณะที่ส่วน ฝั่งเสือ และ ฝั่งมังกร นั้นจะมีอัตราจ่ายอยู่ที่ 1:1 เท่ากัน (แตกต่างกับไพ่บาคาร่าที่ ฝั่งผู้เล่น จะมีอัตราจ่าย 1:1 แต่ ฝั่งเจ้ามือ กลับเป็น 1:0.95 คือต้องเสียค่าคอมไป 0.05) 4.การนับคะแนนอาจแตกต่างกับเกมไพ่หลายๆ เกมที่เพื่อนๆ เคยเล่นกันมาก่อน แต่ก็ถือว่าเข้าใจได้ไม่ยาก ดังนี้ K=13, Q=12, J=11, A=1 ส่วนไพ่ที่เป็นตัวเลขนั้นจะคิดคะแนนตามเลขนั้นๆ เลย 5.การตัดสินแพ้ชนะนั้นจะนับคะแนนของแต่ละฝั่ง โดยที่ดีลเลอร์จะแจกไพ่ให้เพียงแค่ฝั่งละ 1 ใบเท่านั้น จากนั้นเปิดไพ่มา แต้มของฝั่งไหนเยอะสุดก็จะกลายเป็นผู้ชนะไป (เรียกว่าไม่มีจังหวะให้ลุ้นอ่านไพ่กันเลยล่ะนะ) 6.หากผลออกเสมอ คนที่วางเดิมพันตรงช่อง ฝั่งเสือ หรือ ฝั่งมังกร จะเสียเงินเดิมพันเพียง 50% จากที่ลงไป เช่นถ้าลง ฝั่งเสือ ไว้ 100 บาท แต่ผลออกมาเป็นเสมอ เราก็จะเสียเงินให้เจ้ามือแค่ 50 บาท เหลือทอนกลับมา 50 บาท (แตกต่างจากไพ่บาคาร่าตรงที่ ถ้าเราแทง ฝั่งผู้เล่น หรือ ฝั่งเจ้ามือ แล้วผลออกมาเป็นเสมอ เราจะได้เงินเดิมพันคืนมาทั้งหมด)
วิเคราะห์กันตอนท้าย
เชื่อว่า ณ ตอนนี้เพื่อนๆ ก็คงเข้าใจแล้วว่ารูปแบบการเล่นของไพ่เสือมังกรนั้นเป็นอย่างไร แต่ทว่าก็ยังแอบรู้สึกลังเลกันสักเล็กน้อยว่าควรเปลี่ยนจากไพ่บาคาร่ามาเริ่มเล่นเกมไพ่นี้แทนหรือไม่ เพราะฉะนั้นเราก็อยากสรุปให้เข้าใจคร่าวๆ ถึงข้อดีและข้อเสียโดยรวมที่พอจะมองเห็นได้เกี่ยวกับเจ้าเกมไพ่ที่ว่านี้ เริ่มกันด้วยที่ข้อดีกันก่อนเลย อย่างที่เห็นว่าตัวเลือกในการเล่นแต่ละครั้งนั้นมีให้เลือกเพียงแค่ 3 ทาง คือ ฝั่งเสือ, ฝั่งมังกร และเสมอ จึงถือว่าเป็นเกมที่เราสามารถเข้าใจได้ง่ายตั้งแต่แรกเห็น แม้แต่มือใหม่แค่มองปราดเดียวเพียงไม่กี่เกมก็สามารถเริ่มเล่นได้เองเลย อีกทั้ง ฝั่งเสือ และ ฝั่งมังกร ก็มีอัตราจ่ายที่เท่ากันทำให้หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นอัตราการจ่ายเงินที่เท่าเทียมยุติธรรม ยิ่งเมื่อเทียบกับเกมไพ่บาคาร่าที่ ฝั่งผู้เล่น จะมีอัตราจ่ายมากกว่า ฝั่งเจ้ามือ ด้วยแล้ว และหากใครชอบความไว เห็นผลแพ้ชนะรวดเร็ว เกมไพ่เสือมังกรก็อาจเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์เรามากกว่าไพ่บาคาร่าก็ได้ เพราะนี่คือแจกฝั่งละ 1 ใบ เปิด จบ ทันใจแบบสุดๆ มาดูในส่วนของข้อเสียกันบ้าง ตัวเลือก 3 ทางนั้นอาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่ามันน้อยจนเกินไป ขาดความหลากหลายไม่น่าเล่น แถมแจกให้แค่ฝั่งละ 1 ใบ งานนี้อาจทำให้เซียนทั้งหลายถึงกับต้องปวดหัวเพราะเหมือนว่ามันจะยิ่งทำให้เราอ่านไพ่ได้ยากยิ่งขึ้น คาดการณ์หน้าไพ่ในอนาคตกันยากลำบากมากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นคือความไวในการเล่นก็อาจกลายเป็นสิ่งที่กดดันตัวเรามากกว่าเดิมอีก ไม่มีการขอไพ่เพิ่มก็ทำให้เราไม่มีเวลาให้ลุ้นไพ่อะไรกันเลย คนที่ชอบลุ้นไพ่ยาวๆ ก็อาจมองว่ามันเป็นเกมที่เร็วไป และเกมที่เร็วขนาดนี้ ถ้าเราเสียก็จะเสียเร็วด้วยเหมือนกัน ท้ายที่สุดแล้วก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับเกมไพ่เกมนี้ได้ เพราะเอาจริงๆ มันก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคอพนันทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่เลยล่ะนะ แม้การพนันจะเป็นเรื่องของดวงเกือบจะ 100% แต่อย่างไรก็ตามสูตและเทคนิคต่างๆ ก็ยังคงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคนจะรวยนอกจากความเฮงแล้ว ยังต้องอาศัยความเก่งด้วย ซึ่งความเก่งที่ว่านั้นสำหรับการแทงบอลก็คือ การคำนวนสูตรต่างๆ หรือการใช้ทักษะวิเคราะห์เกมและข้อมูลนั่นเอง ในครั้งนี้เรามีสูตรในการแทงบอลที่น่าสนใจมาแนะนำกัน ซึ่งอย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การใช้สูตรแทงบอลนั้นจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างมาก เหล่าเซียที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการก็มักจะใช้สูตรและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตามหากว่าคุณเป็นมือใหม่ล่ะก็ 3 เทคนิคที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ บอกเลยว่าเหมาะกับคุณอย่างมาก หรือว่าง่ายๆ ก็คือพื้นฐานสำหรับการแทงบอลเลยก็ว่าได้!! 3 เทคนิคแทงบอลที่ใช้ได้จริง ตามตำราของเหล่าเซียน หากคุณเปิดไปหน้าแรกสิ่งที่จะพบก็คือเรื่องราวของเทคนิคทั้ง 3 เรื่องนี้ ซึ่งอย่างที่เราเกริ่นเอาไว้ มันเป็นเหมือนกับบทเรียนพื้นฐานสำหรับการแทงบอลเลยก็ว่าได้ โดยทั้ง 3 เทคนิคมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เทคนิคที่ 1 การดูความแตกต่างระหว่างทีม หัวข้อนี้อาจจะฟังดูเหมือนง่าย และหลายคนคงจะคิดในใจว่ามันคือเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำอยู่แล้ว หากคิดจะแทงบอล แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคุณกดเข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว เราจะไม่ทำให้เสียเวลาอย่างแน่นอน เพราะเราจะขออธิบายการดูความแตกต่างระหว่างทีม ให้ลึกลงไปอีก ความแตกต่างที่ว่านี้คืออะไร!? ความแตกต่างระหว่างทีมสามารถแบ่งออกเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้ -อันดับในตาราง: หากเข้ามาสู่ช่วงกลางฤดูกาล อันดับในตารางย่อมมีผลต่อการแข่งขันเรียกได้ว่าแทบจะ 100% เลยก็ว่าได้ เมื่อทีมหัวตารางมาเจอกับท้ายตาราง แทบไม่ต้องบอกเลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะอันดับของตารางก็หมายถึงฟอร์มการเล่นของทีมนั้นด้วย -อัตราต่อรอง: เมื่อดูอันดับในตารางแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาต่อมาเลยก็คือ เรื่องของอัตราต่อรอง จริงอยู่ว่าเมื่อทีมหัวตารางมาเจอกับทีมท้ายตารางโอกาสที่จะชนะย่อมแทบจะเป็น 100% แต่หากอัตราต่อไม่เป็นไปตามที่เราคาดล่ะก็ ตัวอย่างเช่นทีมท้ายตารางกลับมมีราคาที่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ อันนี้อาจทำให้เกิดความไม่แน่ใจได้ -ทีมเหย้า-ทีมเยือน: แน่นอนว่าการเล่นในบ้านนั้นย่อมมีผลต่อการแข่งขันอีกเช่นกัน ดังนั้นแล้วข้อนี้ก็เป็นข้อที่ไม่ควรมองข้ามแต่อย่างใด -นักเตะคนสำคัญ: ขึ้นชื่อว่านักเตะคนสำคัญ ก็ย่อมมีส่วนกับผลการแข่งขันด้วย โดยไม่ว่าจะเป็นทีมรอง หรือทีมต่อหากขาดนักเตะคนสำคัญไป ก็อาจทำให้ผลการแข่งขันพลิกล็อคได้เช่นกัน ดังนั้นก่อกาเช็คสักนิดว่าดาวเด่นของทีมมีชื่อหรือไม่ เทคนิคที่ 2 เทคนิคบอลเต็ง บอลเต็งเป็นการแทงบอลอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความสนใจไม่น้อย โดยเทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณได้เงินจากการแทงบอลในรูปแบบนี้มีอยู่ 2 ข้อด้วยกันคือ -แทงวันละตัวพอ การแทงวันละตัวเหมือนเป็นการกำหนดเป้าหมายการทำเงินของเรา เช่นว่าภายใน 1 อาทิตย์จะต้องทำเงินได้ 7,000 ดังนั้นกำไรต้องได้วันละ 1,000 ก็เลือกแทงวันละ 1,000 บาท แทนที่จะกำเงินไปลงทีเดียว 7,000 บาทเลย -แทงทบ หลังการแทงทบเป็นเรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับพื้นฐานของการพนันเลยก็ว่าได้ หากคุณเสียให้แทงเบิ้ลเข้าไป เพราะถ้าบอลเข้านั่นก็หมายความว่าคุณได้เงินเพิ่มขึ้นมาชดเชยในส่วนที่เสียไปแล้วนั่นเอง เทคนิคที่ 3 เทคนิคบอลสเต็ป โดยทั่วไปแล้วการแทงบอลสเต็ปนั้นจะต้องอาศัยความชำนาญมากกว่าการแทงบอลเต็ง แต่ทั้งนี้มีเทคนิคง่ายๆ อีกเช่นกันที่จะทำให้คุณได้เงินจากการแทงบอลชุด หรือบอลสเต็ป โดยข้อแรกคือเลือกแทงราคาควบ มากกว่าราคาต่อครึ่งลูก เนื่องจากราคาต่อครึ่งนั้นหากอาจดูเหมือนถูกง่ายกว่า แต่หารู้ไม่นั่นคือราคาที่โต๊ะตั้งมาเพื่อหลอกคุณต่างหาก ข้อต่อมา จัดสเต็ปที่หลากหลาย เช่นเรามีทีมในใจอยู่ 5 ทีม ให้เลือกเล่นเป็นสเต็ป 3 และสลับชุดกันไปมา เพื่อกันสเต็ปตายแค่คู่เดียวนั่นเอง ข้อสุดท้าย ไม่ควรแทงวันที่มีบอลเตะน้อย เนื่องจากว่าจำนวนคู่ที่น้อย ทำให้ยากต่อการคาดเดา และมีตัวเลือกที่ไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก ดังนั้นแล้วหากจะแทงขอแนะนำว่าเอาวันที่มีบอลเตะหลายๆ คู่จะดีกว่า ทั้งหมดนี้คือ 3 เทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณหาเงินจากการพนันบอลได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมว่า การพนันไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม ต้องเล่นอย่างรู้จักคำว่าพอดี เพราะไม่อย่างนั้นต่อให้สูตรเทพแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยให้คุณรวยได้แน่นอน!! ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ Slotccasinobet พวกเราคือพื้นที่แห่งการแชร์เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น คาสิโนออนไลน์ สล็อตออนไลน์ หรือพนันกีฬาออนไลน์ เป็นต้น
พวกเราได้ใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการทำให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ติดตามข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับพนันออนไลน์ได้ที่นี่เลย ห้ามพลาด ! |